อาคารอะโตเมียม (Atomium Building) แลนด์มาร์กสำคัญประจำเมืองบรัสเซลส์ ที่แสดงถึงความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของเมืองได้เป็นอย่างดี นับเป็นสถาปัตยกรรมสำหรับงานเวิลด์เอ็กโป (World Expo) ที่ประสบความสำเร็จที่สุดหลังหนึ่งของโลก ปัจจุบันอาคารแห่งนี้เป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือนเมืองบรัสเซลส์
ประวัติ
อาคารอะโตเมียม (Atomium Building) หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายประเทศดูเหมือนจะตื่นรู้ว่าปัจจัยที่จะทำให้ประเทศของตนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของโลกได้อย่างแท้จริงไม่ได้มีเพียงความรุนแรง หรือคลังอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัย แต่ยังมีเรื่องของนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่จะกลายมาเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการเป็นประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันอยู่ในระดับแนวหน้าของเวทีโลก และจะมีโอกาสไหนดีงามไปกว่างานเวิลด์เอ็กซ์โป (World Expo) งานนิทรรศการระดับโลกที่จัดขึ้นมาเพื่อเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนทางด้านประวัติศาสตร์ นวัตกรรม วัฒนธรรม ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก เป็นมหกรรมของมวลมนุษยชาติที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากโอลิมปิก (Olympic Games) และฟุตบอลโลก (FIFA World Cup) โดยงานเวิลด์เอ็กซ์โปจะจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี ผ่านประเทศเจ้าภาพที่เปลี่ยนไปทุกครั้ง จนกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศตัวเองในระดับสากล และเป็นเหตุให้หลายประเทศแย่งกันเป็นเจ้าภาพในการจัดงานแต่ละครั้ง ซึ่งงานเวิลด์เอ็กซ์โปครั้งที่ 17 ในปี ค.ศ. 1958 ถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญที่สุดของเวิลด์เอ็กซ์โป เพราะเป็นการจัดงานครั้งแรกหลังความร้อนระอุของไฟสงครามจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ลุกลามไปทั่วโลกเริ่มจะดับลง และเป็นการจัดงานที่เกิดจากการจดทะเบียนภายใต้องค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau of International Expositions) องค์การระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นจากการทำอนุสัญญาว่าด้วยการจัดแสดงนิทรรศการนานาชาติซึ่งมีประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิกถึง 170 ประเทศ ทำให้งานครั้งนี้เป็นเหมือนสัญญาณว่ามนุษยชาติพร้อมจะกลับมาหันหน้าเข้าหากันเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยสันติวิธีอีกครั้ง และประเทศผู้โชคดีที่ได้รับบทเป็นเจ้าภาพก็คือเบลเยียมนั่นเอง
แน่นอนว่างานถูกจัดขึ้นที่เมืองหลวงของประเทศอย่างบรัสเซลส์ โดยเป็นเหมือนธรรมเนียมที่ทุกครั้งที่มีการจัดงานระดับสากล ประเทศเจ้าภาพจะต้องสร้างสรรค์ผลงานอะไรบางอย่างที่ใช้เป็นหน้าตาสำคัญสำหรับการแสดงถึงศักยภาพของประเทศตัวเอง ให้แขกจากหลากประเทศที่มาร่วมงานได้ประจักษ์ และเป็นเหตุผลให้เกิดการสร้าง อาคารอะโตเมียม ขึ้นมา เพราะหลังจากได้รับการยืนยันว่าจะได้เป็นเจ้าภาพงานเวิลด์เอ็กซ์โปครั้งที่ 17 ทางการก็ได้เริ่มโปรเจกต์การสร้างแลนด์มาร์กที่จะใช้ในงาน โดยตอนนั้นแวดวงวิทยาศาสตร์โลกกำลังเริ่มต้นเข้าสู่ยุคเฟื่องฟูสุดขีด มีการค้นพบทฤษฎีใหม่ๆ ที่จะช่วยพลิกโฉมนวัตกรรมด้านต่างๆ ของโลกกันแทบทุกวัน และหนึ่งในแขนงที่มาแรงสุดๆ คือการศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างการเรียงตัวของอะตอมที่อยู่ในสรรพสิ่งต่างๆ จึงทำให้มีการนำการเรียงตัวของอะตอมแบบเก้าอะตอมที่เกิดจากการตกผลึกของโมเลกุลที่อยู่ในธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นโครงสร้างการเรียงตัวของอะตอมที่มีความสมมาตร และงดงามราวกับงานศิลป์ชั้นเลิศของโลกวิทยาศาสตร์ มาเป็นต้นแบบในการก่อสร้างอาคารอะโตเมียม โดยเป็นการขยายจากสัดส่วนจริงของโครงสร้างอะตอมถึง 165 พันล้านเท่า ซึ่งแปลนของอาคารได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกสองคนพี่น้อง อันเดร (Andre) กับ จีนส์ โพเลก (Jean Polak) โดยพวกเขาได้สร้างแบบแปลนสถาปัตยกรรมที่ดูล้ำสมัย และแปลกตาสุดๆ ในยุคนั้น มาให้วิศวกรนาม อันเดร วอเตอร์กยน (Andre Waterkeyn) ได้รังสรรค์ผลงานในฝันของชาวเบลเยียมชิ้นนี้ให้เป็นความจริง โดยใช้เวลาไปทั้งหมด 18 เดือน อาคารอะโตเมียม ก็พร้อมสำหรับงานเอ็กซ์โปครั้งที่ 17 หรือที่รู้จักกันในชื่องาน บรัสเซลส์ เวิลด์ แฟร์ (Brussels World Fair)
โดยโครงสร้างแรกเริ่มของอาคารประกอบด้วยวัตถุทรงกลมทำจากอลูมิเนียมจำนวน 9 ลูก แต่ละลูกจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 18 เมตร และเชื่อมต่อกันด้วยหลอดทรงกระบอกทำจากเหล็กมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร ที่ติดตั้งลิฟต์กับบันไดเลื่อนเพื่อใช้สัญจรไปยังจุดต่างๆ ของอาคาร โดยความยาวสูงสุดของบันไดเลื่อนในหลอดทรงกระบอกคือ 35 เมตร หลอดกลางสุดของอาคารจะมีการติดตั้งลิฟต์ที่มีความเร็วถึง 5เมตร ต่อ วินาที บรรจุคนได้ 22 คนในหนึ่งรอบการใช้งาน น้ำหนักรวมทั้งหมดของอาคารอยู่ที่ 2,400 ตัน จุดที่สูงที่สุดของอาคารคือ 102 เมตร พื้นที่จัดงานหลักจะอยู่ในลูกกลมด้านบนสุด แม้ตอนแรกจะมีลูกกลมถึง 3 ลูกที่ไม่สามารถใช้งานอะไรได้ มีหน้าที่เพียงช่วยลดแรงลม และรักษาสมดุลของตัวอาคารไม่ให้มีการพลิกคว่ำ แต่ก็ยังถือว่าเป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมที่ประสบความสำเร็จที่สุดครั้งหนึ่งของงานเวิลด์เอ็กโป (World Expo) และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมากมาย
ทำให้จากอาคารที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นแลนด์มาร์กชั่วคราว ก็ได้กลายเป็นสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงความพร้อมอย่างก้าวกระโดดในโลกที่กำลังจะแข่งขันกันด้วยความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยการบูรณะครั้งใหญ่ของอาคารเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 2004 ซึ่งมีการเปลี่ยนวัสดุของลูกกลมจากอลูมิเนียมเป็นสแตนเลสสตีลชั้นดี มีการติดตั้งไฟ LED 2,970 ดวง ทั่ววงกลมทั้ง 9 ลูก เกิดเป็นลูกเล่นของแสงสียามกลางคืนที่สวยงาม และสร้างเอกลักษณ์ให้อาคารมีความโดดเด่นมากขึ้นไปอีก โดยวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2006 อาคารอะโตเมียมก็ได้ทำการเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง โดยมีทั้งนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับงานเวิลด์เอ็กโป (World Expo) ที่ประเทศได้เป็นเจ้าภาพ, ส่วนนำเสนอข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร, สถานที่จัดแสดงนิทรรศการชั่วคราว ที่จะมีงานน่าสนใจหมุดเวียนมาจัดแสดงตลอดปี, สถานที่จัดงานอีเว้นท์ต่างๆ, จุดชมวิวทัศนียภาพของเมืองบรัสเซลส์แบบพาโนราม่า, ร้านอาหารประจำอาคาร, สถานที่จัดเวิร์กช็อปน่าสนใจให้เยาวชนอายุ 6-12 ปีได้เข้ามาร่วมทำ, ห้องทำการที่ใช้ดูแลความเรียบร้อยของระบบการทำงานต่างๆ ภายในอาคาร ฯลฯ ผ่านการจัดสรรพื้นที่ของลูกกลมทั้ง 9 ลูกของอาคารอย่างลงตัว และทั้งหมดนี้เอง เป็นเหตุผลให้แม้จะผ่านมานานกว่า 60 ปี นับตั้งแต่อาคารถูกสร้างขึ้นมา แต่มันก็ยังคงเป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมของนักท่องเที่ยว และสถาปัตยกรรมที่มีความล้ำสมัยมาโดยตลอด
หากใครที่มองโปรแกรมการท่องเที่ยวเบลเยียมไว้แต่ยังไม่รู้จะเดินทางยังไง สอบถามเรา มีทัวร์มั้ยได้น้า รับรองว่าจะพาไปชมเบลเยียมให้จุใจ
ติดตามพวกเรามีทัวร์มั้ยแบบใกล้ชิดกว่าใครได้ที่