รีวิว ลาดพร้าว x 5 คาเฟ่มีสไตล์ ถ่ายรูปเก๋
รีวิว ลาดพร้าว x 5 คาเฟ่มีสไตล์ ถ่ายรูปเก๋
ลาดพร้าว คือย่านที่มีทัวร์มั้ยคุ้นเคยมากที่สุดในชีวิตแล้วแหละ เพราะมีทัวร์มั้ยอยู่ลาดพร้าวมาตั้งแต่เกิดจนโต (และตอนนี้ก็ยังอยู่) อยู่มาโคตรนานแต่ดั๊นไม่ค่อยจะได้เที่ยวคาเฟ่แถวลาดพร้าวซักเท่าไหร่ ด้วยความที่มันอยู่ใกล้เกิน ก็เลยอาจจะมองข้ามไปบ้างแหละ 555 ด้วยความที่ช่วงโควิดนี้ ไม่ค่อยได้ไปไหนเท่าไหร่ มองไปรอบๆ ตัวกับย่านลาดพร้าวถึงกับเซอร์ไพรส์ เพราะคาเฟ่ในย่านลาดพร้าวนี่เปิดใหม่เพียบเลย แถมแต่ละร้านก็เจ๋งสุด เพราะเค้ามีคอนเซปต์เป็นเอกลักษณ์และไม่ซ้ำกัน มาคิดดูอีกทีแล้วทำให้ก๊อตรู้สึกว่าย่านลาดพร้าวเนี่ยโคตรคูลเลย มีหลายร้านคาเฟ่ดีๆ เหมาะกับการชวนเพื่อนไปถ่ายรูป กินขนมอร่อยๆ ด้วยกัน หรือถ้าใครอยากจะหาที่นั่งทำงานชิลๆ คาเฟ่ในลาดพร้าวก็ตอบโจทย์ รอบนี้มีทัวร์มั้ยเลยจะมารีวิวคาเฟ่ย่านลาดพร้าวจากเด็กลาดพร้าวให้ทุกคนดู ซึ่งจะมีร้านไหนที่โดนใจมีทัวร์มั้ยบ้าง ตามก๊อตไปกันเล้ยย

1. Kraft Kafe

Kraft Kafe คาเฟ่สไตล์ Industrial Loft ในย่านนาคนิวาส ที่มีความเท่ ขรึม และโดดเด่นมาก ร้านนี้เปิดมา 3 ปีแล้วแต่ก็ยังคงเป็นคาเฟ่ที่มีลูกค้าเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ด้วยการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ ส่วนมากนั้นจะตกแต่งด้วยสีดำเทา เป็นปูนเปือย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ที่นี่ดูทึบหรือมืดเลยนะ ด้วยความที่ร้านนี้เค้ามีกระจกบานใหญ่ที่ทำให้มีแสงลอดผ่านเข้ามาได้ตลอดวัน ช่วยทำให้ในร้านดูโล่ง โปร่ง สบายมากเลยแหละ

ร้านนี้มีที่นั่งเยอะมากกกก ทั้งบริเวณที่เป็นอินดอร์ และ เอ้าท์ดอร์ โซนข้างในร้านเหมาะกับการมานั่งทำงานแบบสุดๆ แอร์เย็นสบาย มีปลั๊ก และมี Wifi แถมคนก็ไม่พลุกพล่านด้วยนะเออ ส่วนบริเวณเอ้าท์ดอร์นอกร้านก็สามารถนั่งได้เช่นกัน ข้างนอกเนี่ยเค้าปลูกต้นไม้เยอะม๊ากกก แถมแต่ละต้นก็เป็นต้นไม้ฮิตๆ ด้วยนะ ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ดีมากทีเดียวเลยล่ะ เวลาที่ได้ไปนั่งแล้วรู้สึกร่มรื่นและผ่อนคลายมากจริงๆ

ร้านนี้มีเมนูทั้งน้ำและขนมให้เลือกมากมายเลย ที่โดดเด่นมากจะเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่ ซึ่งก๊อตเองก็ได้สั่งมาถึง 2 เมนู คือ Kraft Koffee Tonic (120 บาท) ซึ่งเป็นเมนู Signature ของร้านเลยนะ เค้าใช้โซดารสเลม่อนมาเติมช็อตเอสเพรสโซ่ลงไป ใครง่วงๆ อยู่ดื่มแก้วนี้เข้าไปนี่ตื่นเลยล่ะ เพราะรสชาติมีหลายมิติมาก ดื่มเข้าไปตอนแรกจะได้รับความเปรี้ยวซ่าของเลม่อนโซดาก่อน และหลังจากนั้นจะได้รับรสชาติของความเข้มข้นของกาแฟตามมา ถือว่าเป็นเมนูที่ต้องมาลองเลยล่ะ!

2. LIEBE CAFÉ

ต้องบอกว่าพักหลังๆ มานี่ ย่านโชคชัย 4 มีคาเฟ่เปิดใหม่มากมายเลย ซึ่งหนึ่งในคาเฟ่เปิดใหม่ในย่านนี้ก็คือ LIEBE CAFÉ คาเฟ่ขนาดกระทัดรัดสไตล์มินิมอลแบบเกาหลี ตกแต่งร้านออกมาด้วยโทนสีขาวและน้ำตาล ทำให้รู้สึกว่าเป็นคาเฟ่ที่มีความน่ารักและมีความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน ภายในร้านแบ่งเป็นโซนเคาท์เตอร์ และโซนที่นั่ง ซึ่งที่นั่งค่อนข้างเยอะเลย สามารถนั่งได้ทั้งชั้น 1 และชั้น 2 เลย ส่วนเค้าเตอร์ของร้านก็นั่งได้เช่นกันนะจ้ะ ใครได้นั่งตรงนี้ก็จะได้เห็นขั้นตอนการทำกาแฟของเค้าทั้งหมดเลยล่ะ

 ร้านนี้โดดเด่นมากในเรื่องของกาแฟ เค้าใช้เมล็ดกาแฟของไทย ที่ส่งตรงมาจากดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ และเมล็ดกาแฟที่นำเข้าจากต่างประเทศด้วย ส่วนมากจะเป็นกาแฟของร้านนี้จะเป็นกาแฟคั่วกลางๆ รสชาติกาแฟจะเบาๆ ไม่เข้มมาก ทานง่าย แต่ยังคงเอกลักษณ์ความหอมของกาแฟไว้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวไม่ว่าจะกาแฟที่ได้จากเครื่องเอสเพรสโซ่ กาแฟดริป หรือ Cold Brew ก็ดึงรสชาติของกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่มากๆ เมนูคลาสสิคอย่างลาเต้ร้อนของที่นี่ก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว Late Art บนฟองนมนุ่มๆ เค้าก็ทำออกมาได้น่ารักและมีหลากหลายลายด้วยนะ

สำหรับเมนูที่มีทัวร์มั้ยสั่งนั้นมี Iced Ich Liebe Dich (120 บาท) เป็นเมนูซิกเนอเจอร์ของทางร้านที่แปลว่า “ฉันรักคุณ” ชงด้วยกาแฟ Cold Brew ที่ได้รสชาติกาแฟเต็มๆ ทานกับครีมนมนุ่มๆ ซึ่งวิธีการดื่มแก้วนี้คือให้เราดื่มเป็นเลเยอร์จากชั้นที่เป็นครีมนมด้านบนค่อยๆ ไล่ระดับไปทานถึงชั้นกาแฟ เมื่อดื่มไล่เลเยอร์เสร็จแล้วให้คนให้ชั้นนมกับชั้นกาแฟนั้นเข้ากันเพื่อรับประสบการณ์การดื่มกาแฟแก้วนี้ในอีกรูปแบบหนึ่ง ถือว่าเป็นอีกเมนูหนึ่งที่ทางร้านคิดมาดีมากเลยล่ะ รสชาติก็เรียกว่าหลากหลายมิติมาก ได้รับทั้งความหวานหอมแบบคาราเมลและช็อคโกแลต มีกลิ่นของถั่วอ่อนๆ และตัวที่ทำให้แก้วนี้อร่อยมากขึ้นคือโรสแมรี่สดที่คอยดึงทั้งกลิ่นและรสชาติให้ออกมาได้อย่างละมุนสุดๆ เป็นกาแฟแก้วที่ทำให้รู้สึกหลงรักได้ตามชื่อเมนูเลยจริงๆ

LIEBE CAFÉ เป็นคาเฟ่ที่ทำให้รู้สึกเซอร์ไพรซ์ได้ตลอดเลย ที่แรกเห็นหน้าร้านเล็กๆ แต่ข้างในนี่จัดโซนต่างๆ ไว้ได้ลงตัวดีมากเลย และในร้านนี่ไม่ว่าจะไปยืนถ่ายรูปตรงไหนก็เก๋หมดเลย เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่ก๊อตสัมผัสได้ถึงความพิถีพิถันและความตั้งใจของบาริสต้าผ่านกาแฟทุกแก้วของเค้า และเบเกอรี่ทุกจานเลยด้วย ใครเป็นสายกาแฟกับสายเบเกอรี่ต้องหลงรักร้านนี้มากแน่ๆ เลยหล่ะ

3. Slōlē Cafe & Garden

ยังอยู่กันที่ย่านโชคชัย 4 เหมือนเดิม ถ้าร้านเมื่อกี้ยังถ่ายรูปเล่นได้ไม่จุใจ มีทัวร์มั้ยจะพามาร้านที่มีมุมถ่ายรูปเยอะที่สุด ที่นี่คือ Slōlē Cafe & Garden คาเฟ่ลับในซอยเล็กๆ ที่เปิดคู่กับสตูดิโอถ่ายภาพ ที่นี่เป็นร้านของคุณตุ้ย ผู้กำกับภาพที่หลงใหลในสเน่ห์ของกาแฟและช็อคโกแลต ลองคิดค้นสูตรต่างๆ ด้วยตัวเอง รวมถึงได้สะสมอุปกรณ์การทำกาแฟมาเรื่อยๆ เลยตัดสินใจนำสิ่งที่สิ่งที่ตัวเองสนใจและทำได้ดีอย่าง เครื่องดื่มสุดโปรดและอาชีพสุดรักมาเปิดเป็นร้านนี้ขึ้นมา

บริเวณรอบร้านนี้กว้างม๊ากกกก การตกแต่งจะออกแนววิเทจแบบผู้ดีอังกฤษ เน้นใช้สีขาวกับสีน้ำตาล และมีลูกเล่นต่างๆ ตามประตู พื้น และของตกแต่งอื่นๆ ซึ่งที่นี่มีหลายโซน การตกแต่งเลยมีหลายแบบเลย และความดีงามคือทุกโซนมันถ่ายรูปออกมาสวยหมดเลยเว้ย ยิ่งโซนเอ้าท์ดอร์ของที่นี่เนี่ยเค้าจัดเต็มมากเลยแหละ เค้าจะเปลี่ยนธีมไปตามซีซั่นต่างๆ อย่างช่วงที่ก๊อตไปเนี่ยเป็นธีมซัมเมอร์ ตรงสระน้ำก็จะตกแต่งด้วยลูกบอลหลากสีสันและห่วงยางฟลามิงโก้ยักษ์สีชมพู ทำให้ที่นี่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาและได้ฟิลซัมเมอร์สุดๆ ไปเลย

อย่างที่มีทัวร์มั้ยได้บอกไปว่าเจ้าของร้านนี่เค้าหลงสเน่ห์ของกาแฟและช็อคโกแลตมากเป็นพิเศษ เครื่องดื่มแนะนำของที่นี่จะเป็นเมนูชื่อ Lazy Afternoon หรือว่า Dirty Coffee (95 บาท) ที่หลายๆ คนรู้จักกันนั่นเอง เมนูนี้คือดีมากเลยชั้นที่เป็นนมมีความหอมมัน กลมกล่อม และชั้นที่เป็นกาแฟก็รสชาติกำลังดี ไม่เข้มหรืออ่อนเกินไป พอดื่มไปเรื่อยๆ แล้วมันเป็นเครื่องดื่มที่ลงตัวมากเลยทีเดียว

สำหรับใครที่ต้องการหนีความวุ่นวายในเมือง หรือกำลังหาสถานที่ถ่ายรูปสวยๆ ก๊อตแนะนำว่าให้มาที่ Slōlē Cafe & Garden บรรยากาศที่นี่ดีและผ่อนคลายมากๆ ไม่ได้รู้สึกว่าอยู่ในกรุงเทพเลยด้วยซ้ำ ควรค่าแก่การมาแวะถ่ายรูปและพักผ่อนสุดๆ เพราะมาที่นี่แล้วเราไม่ต้องรีบร้อน ใช้ชีวิตชิลๆ เรื่อยๆ ได้ทั้งวัน ใครที่มาที่นี่จะต้องรู้สึก สะ – โล – ลี่ สมกับชื่อร้านเลยจริงๆ

4. Maysa BKK

ใครผ่านไปย่านเสนานิคม คงจะสะดุดตากับบ้านสีขาวที่มีประตูและรั้วทรงโค้งที่โดดเด่นมาก ที่นี่คือ Maysa BKK คาเฟ่ที่เพิ่งเปิดช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้เอง บรรยากาศที่ดูเป็นกันเองให้ความรู้สึกเหมือนแวะมากินขนมที่บ้านเพื่อนเลย ซึ่งไอเดียนี้เป็นความตั้งใจของทางคุณเมย์ เจ้าของร้านที่ต้องการจะทำให้ร้านนี้เป็น ‘บ้าน’ เลยได้ทำการแปลงโฉมบ้านเก่าให้เป็นคาเฟ่ใหม่ซะเลย

ถึงมีทัวร์มั้ยจะบอกว่าร้านนี้ถูกแปลงโฉมมา แต่ไม่ใช่ว่าเค้าเปลี่ยนไปทั้งหมดนะ ยังมีบางส่วนที่ยังเก็บโครงสร้างเดิมไว้ เช่น รั้วเหล็กดัดที่เรามักเห็นได้ทั่วไปเอามาสร้างไว้ในกรอบปูนทรงโค้งดูแปลกตาสุดๆ , พื้นหินขัดที่ไม่ได้ทำสีใหม่เลย ทำให้ดูวินเทจมากเลยหล่ะ, ประตูและหน้าต่างไม้ที่คงของเดิมไว้แต่มาทาสีใหม่ให้ดูโมเดิร์นมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงบล็อกปูนฉลุลายที่ไม่ค่อยได้เห็นในบ้านสมัยนี้เท่าไหร่แล้ว ซึ่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ที่ทางร้านยังคงรักษาความเป็นบ้านเก่าไว้มันมันเลยทำให้รู้สึกว่าที่นี่เหมือนเป็นบ้านมากกว่าเป็นคาเฟ่ซะอีก

ที่ Maysa BKK มีหลากหลายโซนไว้รองรับลูกค้าที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นโซนอินดอร์ในร้านเปิดแอร์เย็นๆ มีที่นั่งสบายๆ ภายในตกแต่งด้วยฟอร์นิเจอร์สีขาวครีมและไม้ ผสมผสานความสมัยใหม่และยังได้กลิ่นอายของความเป็นบ้านสมัยเก่าอยู่ ส่วนโซนเฮ้าท์ดอร์ข้างนอกนั้นกว้างมาก ไม่ว่าจะเป็นโซนสวนหย่อมหน้าบ้าน บริเวณทางเดินที่ปูด้วยหินสีขาวล้วนเชื่อมยาวไปถึงโซนหลังบ้านที่มีที่นั่งอีกเพียบ และ ระเบียงหน้าบ้านก็สามารถนั่งได้หมดเลย นอกจากโซนคาเฟ่แล้วร้านนี้ยังมีโซนขายเสื้อผ้าผู้หญิงด้วย เสื้อผ้ามีหลากหลายสไตล์เลย นอกจากนี้ก็ยังมี รองเท้า เครื่องประดับและ สินค้าแบรนด์เนมมือสองด้วยล่ะ

ส่วนตัวมีทัวร์มั้ยชอบบรรยากาศของร้าน Maysa BKK มากเลย ด้วยความที่ร้านนี้เอาบ้านเก่ามารีโนเวทใหม่ เลยทำให้ที่นี่ไม่เหมือนคาเฟ่ทั่วไปเลย การตกแต่งค่อนข้างทำได้ลงตัวแถมมีที่นั่งก็เยอะมากทีเดียวและทุกมุมก็สามารถนั่งถ่ายรูปได้หมดเลย สำหรับเรื่องรสชาติของเครื่องดื่มอาจยังไม่ได้โดดเด่นมาก แต่เบเกอรี่นั้นถือว่าอร่อยและมีให้เลือกหลายหลายมากเลย

5. Plant me on the Moon

Plant me on the Moon คาเฟ่สายธรรมชาติในซอยลาดพร้าว 93 คาเฟ่หน้าตาแปลกๆ ที่ร่มรื่นมากเพราะประดับด้วยต้นไม้นานาชนิด ในส่วนของด้านหน้าตกแต่งได้เหมือนสถานีอวกาศบนดาวอะไรสักอย่าง แต่พอเข้าไปของในร้านแล้วเหมือนได้นั่งอยู่ในโรงแรมดีไซน์เก๋ๆ ที่นึงเลย ที่นี่มีการตกแต่งร้านได้ลงตัวเป็นอย่างมาก ใช้การตกแต่งแบบ Modern Vintage ภายในร้านทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพื้น, ผนัง และ เฟอร์นิเจอร์นั้นจะมีความเรียบง่าย ที่นี่ใช้สีขาว, ดำ และน้ำตาลเป็นสีหลัก และสอดแทรกด้วยสีเขียวของต้นไม้ในทุกๆ มุมของร้าน ซึ่งเป็นการตกแต่งที่ทำออกมาได้พอดิบพอดี ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป

ความพิเศษของร้านนี้คือ ต้นไม้ทุกต้นสามารถขอซื้อได้หมดเลยล่ะ และราคาก็ดีมากกกกก ไม่ใช่แต่ต้นไม้นะที่ซื้อได้ แต่กระถาง โต๊ะ ช้อน จาน เก้าอี้ อะไรก็ตามที่อยู่ในร้านนี้เค้าขายหมดเว่ย อยากได้อะไรให้ไปบอกพี่พนักงานเท่านั้น เกิดมาก็เพิ่งเคยจะเห็นร้านแบบนี้ครั้งแรก ชอบบ 555555

มาถึงรีวิวของกินกันบ้าง ครั้งนี้สั่งเป็นเครื่องดื่มเบาๆ อย่าง Single Cherry Frizzy (120 บาท) กาแฟผสมกับเชอรี่ไซรัปที่มีความซ่าจากโซดา และมีกลิ่นโรสแมรี่อ่อนๆ เวลาที่ดื่มเข้าไปแล้วจะได้กลิ่นเชอร์รี่ขึ้นมาก่อนและตามด้วยรสสัมผัสของกาแฟเข้มข้น รสชาติกลมกล่อม ความหวานกำลังดี และสดชื่นมากเลยทีเดียว ใครที่ไม่ใช่สายกาแฟ หรือทานกาแฟยาก มีทัวร์มั้ยก็ขอแนะนำเป็นเมนูนี้เลยล่ะ

สำหรับใครที่ไม่ดื่มกาแฟเลย เหมาะกับเครื่องดื่มเฟรซๆ อย่าง Rose Lemon Soda (90 บาท) เป็นอย่างมากหอม อีกหนึ่งเมนูที่ดื่มแล้วจะได้รับความสดชื่นจากโซดา ได้รับความหอมหวานจากดอกกุหลาบ และตบท้ายด้วยความเปรี้ยวอมหวานของเลม่อน เป็นเมนูที่ทำให้รู้สึกสดชื่นได้มากเช่นกัน

พอเอาอะไรลงท้องเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาไปถ่ายรูปเล่นที่ดาวหน้าร้าน เอ้ย! สวนหน้าร้าน บริเวณนี้เป็น Plant Me On The Moon hab ที่ออกแบบตามฐานปฏิบัติการบนดาวอังคารในภาพยนตร์เรื่อง The Martian ทำให้มันไม่ได้เหมือนอยู่ในสวนเลย แต่เหมือนอยู่บนดาวอะไรไม่รู้ ที่สำคัญฐานทับลับตรงนี้เนี่ยถ่ายรูปออกมาได้เก๋มากจริงๆ ต้องมาให้ได้เลยนะทุกคน!

จบไปแล้วสำหรับ 5 คาเฟ่ลาดพร้าว

มีทัวร์มั้ยเองไม่ได้แวะเที่ยวคาเฟ่แถวเส้นลาดพร้าว มาสักพักแล้ว แต่พอได้กลับมาเที่ยวคาเฟ่แถวนี้อีกครั้งแล้วรู้สึกแปลกใจเหมือนกันนะ เพราะไม่คิดว่าย่านนี้จะมีคาเฟ่เยอะขึ้นมากขนาดนี้ แล้วแต่คาเฟ่แต่ละร้านก็มีความเก๋ และมีคอนเซ็ปร้านที่ดีมากเลยด้วย ถือเป็นการได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ย่านนี้อีกครั้งและเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมากจริงๆ ไหนใครเคยไปร้านไหนมาบ้างแล้ว มาเล่าให้ฟังหน่อยเร็ว

 

ตามติดเทรนด์เที่ยว อัพเดทที่เที่ยว

https://www.facebook.com/metourmice

 

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากเว็บไซต์ Hashcorner